เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก หรือไดเอต เรามักจะมีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง ค้นคว้าหาข้อมูลจากโลกอินเตอร์เน็ต หรือคำแนะนำแบบปากต่อปากจากคนที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จ และการที่มีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน แทบจะเป็นเป้าหมายเดียวที่ทุกคนนึกถึง โดยลืมนึกถึงเรื่องสุขภาพ ที่เป็นเรื่องสำคัญกว่าไป
วันนี้เรามีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพมาเสนอ จะได้ช่วยให้เรานั้นหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ และมีสุขภาพที่ดีพร้อม ๆ ไปกับการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
- ไม่กินแป้ง
ความเชื่อ: ถ้าเราอยากจะลดไขมัน ลดความอ้วน ห้ามกินแป้ง ห้ามกินคาร์โบไฮเดรต ห้ามกินน้ำตาล เพราะมันจะไปกระตุ้นอินซูลิน ทำให้สะสมไขมันมากขึ้น ทำให้อ้วนขึ้น
ความจริง: อาการกลุ่มคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง เส้นต่าง ๆ ขนม เป็นแหล่งพลังงานหลักที่ร่างกายต้องการ ช่วยให้เรามีแรงในการใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดี รวมถึงช่วยให้เราสามารถออกกำลังายได้เต็มที่อีกด้วย และเมื่อเราออกกำลังกายได้เต็มที่ ก็จะส่งผลให้เราเผาผลาญพลังงานได้ดีอีกด้วย
คำแนะนำจากเบเบ้
ไม่มีอาหารไหนที่กินแล้วอ้วน และการกินดึกไม่ทำให้อ้วน แต่การกินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการต่างหากที่ทำให้เราอ้วนขึ้น
ดังนั้น การกินแป้งในปริมาณที่เพียงพอและสอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติแล้ว เรายังสามารถลดน้ำหนักได้โดยที่ไม่ต้องงดอาหารที่ชอบอีกด้วย
- ไม่กินไขมัน
ความเชื่อ: ในเมื่อเราตั้งใจจะลดน้ำหนัก หรือลดไขมันในร่างกาย ก็ไม่ควรกินไขมันเข้าไปอีก
ความจริง: ไขมันที่กินเข้าไปใหม่ ไม่ได้เข้าไปสะสมเพิ่มเติม หากเรากินในปริมาณที่เพียงพอ
หากเรากินอะไรที่เกินความต้องการ ร่างกายก็จะสะสมเป็นไขมันทั้งนั้น แต่การกินในปริมาณที่เพียงพอ จะส่งผลให้ร่างกายนำไปใช้ได้ตามที่ต้องการ อย่างที่เราเรียนรู้กันมาว่า ร่างกายต้องการไขมันเพื่อไปทำเลียงอาหารและละลายวิตามิน รวมถึงทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ตามปกติอีกด้วย
คำแนะนำจากเบเบ้
การกินไขมันในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้ระบบฮอร์โมนของร่างกายทำงานได้ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาว ๆ หากงดไขมันไปเลย จะทำให้ประจำเดือนขาด ผมร่วง ผิวพรรณไม่สดใส ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากฮอร์โมนทั้งนั้น
ดังนั้น ถึงแม้เราจะตั้งใจลดไขมัน แต่ก็ควรกินไขมันด้วย และควรเลือกไขมันชนิดดี ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ปลา ถั่วต่าง ๆ หรืออาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันคาร์โนล่า หรือน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
- ไม่กินอาหารก่อนหรือหลังออกกำลังกาย
ความเชื่อ: การออกกำลังกายตอนท้องว่างจะช่วยลดไขมันได้ดี และไม่กินอาหารหลังออกกำลังกายเพราะอุตส่าห์เบิร์นออกแล้ว
ความจริง: ไม่ว่าจะกินหรือไม่กินอาหารก่อนออกกำลังกาย ก็ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่ต่างกัน แถมการกินอาหารให้สอดคล้องกับการออกกำลังกาย ยังช่วยให้เราออกกำลังกายไดีดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เช่น กินกล้วยหอม 1 ลูก ก่อนเล่เวท จะช่วยให้เรามีแรงมากขึ้น ยกได้หนักขึ้น และเล่นได้ครบทุกท่าและครบเซ็ต นอกจากนี้ การกินอาหารหลังออกกำลังกาย เป็นการเติมสารอาหารเข้าไปซ่อมแซมและบำรุงร่างกาย ไม่ใช่การเติมพลังงานส่วนเกิน
คำแนะนำจากเบเบ้
ควรมีทั้งมื้อก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ และการฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากไม่สะดวกกินอาหารรองท้องก่อนออกกำลังกาย ควรเลือกการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เดินหรือโยคะ เป็นต้น
- ไม่กินขนม
ความเชื่อ: จะลดน้ำหนักได้สำเร็จ ต้องกินคลีนเท่านั้น ห้ามกินขนมหรือของกินที่ชอบ
ความจริง: การกินขนมไม่ได้ทำให้อ้วน อย่างที่บอกไปในข้อ 1 เราไม่ได้อ้วนเพราะอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่เราอ้วนจากการกินเกินความต้องการของร่างกาย อาหารหลักให้พลังงาน ขนมก็ให้พลังงานไม่ต่างกัน หากเราจัดสัดส่วนอาหารเป็น เราจะสามารถกินขนมได้อย่างสบายใจ
คำแนะนำจากเบเบ้
การรู้จักการจัดสัดส่วนอาหาร ช่วยให้เราสามารถเหลือพื้นที่สำหรับการกินขนมหรือของโปรดได้แม้เราอยู่ในระหว่างการตั้งใจลดน้ำหนัก การกินขนมส่งผลดีต่อจิตใจ ซึ่งการที่เรามีจิตใจที่ดี ไม่รู้สึกถูกฝืน ก็จะส่งผลให้เรายึดอยู่กับการลดน้ำหนักได้นานจนบรรลุเป้าหมาย
- ไม่กินอาหารใด ๆ หลัง 6 โมงเย็น
ความเชื่อ: ไม่กินแป้งหรืออาหารใด ๆ เพราะหลัง 6 โมงเย็น ร่างกายจะหยุดเผาผลาญแล้ว ทำให้อาหารที่เรากินเข้าไปกลายเป็นไขมันสะสม
ความจริง: การที่เราอยากจะลดไขมันได้ อยู่ที่พลังงานที่เราได้รับจากการกินทั้งวัน ต้องน้อยกว่าพลังงานที่เราใช้ออกไป และร่างกายมีการเผาผลาญตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเราจะกินอะไร กินตอนไหนก็ตาม หากปริมาณทั้งวันไม่เกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เราก็ยังรักษารูปร่างหรือเราก็ลดไขมันได้อยู่ดี
คำแนะนำจากเบเบ้
การอดอาหาร หรือการทำ IF (Intermittent Fasting) ที่กำลังเป็นที่นิยม ไม่ใช่วิธีการเดียวที่จะลดน้ำหนักได้ หากการทำ IF ไม่สะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทำ แต่ถ้าหากเคยได้ยินและอยากลองทำ แต่เรายังไม่มีความรู้มากนัก การทำ IF ก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีวิธีนึงที่ช่วยให้เราจำกัดเวลาในการกิน ทำให้เราลดแคลอรี่ส่วนเกินที่เรากินเข้ามาได้ แต่ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าจะต้องทำ IF เท่านั้นถึงจะผอมได้ จนทำให้เราเครียดเกินไป หาวิธีที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตและความชอบของเราเป็นที่ตั้ง จะช่วยให้เรายึดอยู่การตั้งใจลดไขมันไปได้นานและยั่งยืน
หวังว่าทั้ง 5 นี้ จะช่วยเป็น Checklist ให้เราได้สังเกตพฤติกรรมของตนเอง และนำไปสู่การลดไขมันด้วยวิธีที่ถูกต้องนะคะ